The White Lotus (Season 1) เป็นซีรีส์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของแขกผู้มั่งคั่งที่มาเข้าพักในรีสอร์ทสุดหรูบนเกาะฮาวาย พร้อมกับพนักงานของรีสอร์ทที่ต้องคอยให้บริการพวกเขาอย่างไม่มีที่ติ พล็อตเรื่องเริ่มต้นเหมือนจะเป็นแค่วันหยุดพักผ่อนธรรมดา แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ความตึงเครียดระหว่างตัวละครเริ่มก่อตัวขึ้น ทั้งความขัดแย้งภายในครอบครัว ปัญหาความสัมพันธ์ และความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นที่ค่อย ๆ เผยออกมา ทุกอย่างดำเนินไปพร้อมกับบรรยากาศที่แปลกประหลาด กดดัน และชวนให้สงสัยว่าท้ายที่สุดแล้วจะเกิดโศกนาฏกรรมอะไรขึ้น
พอรู้ว่า ลิซ่า BLACKPINK จะมารับบทนำในซีซั่นสาม ผมก็เลยต้องย้อนกลับไปดูว่าซีรีส์นี้มันมีดีอะไร ทำไมถึงเป็นที่พูดถึงมากขนาดนี้ ซึ่งต้องบอกเลยว่ามันเหนือความคาดหมายมาก ตอนแรกนึกว่าจะเป็นแนวสืบสวนฆาตกรรมในรีสอร์ทประมาณว่าแขกมาเที่ยวแล้วมีคนตายให้ต้องสืบหาความจริง แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลย The White Lotus เป็นมากกว่าซีรีส์ลึกลับ มันเป็นการเสียดสีสังคมที่แสบสันต์และสมจริงจนทำให้รู้สึกอึดอัด
สิ่งที่ทำให้ซีซั่นแรกของ The White Lotus โดดเด่นมากคือการขุดลึกไปถึงความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจน วิธีคิดของตัวละครที่เป็นคนรวยนั้นสุดโต่งและมีความเป็นจริงอยู่ในนั้นแบบน่ากลัว พวกเขามองโลกในมุมของตัวเองโดยไม่เคยตระหนักถึงผลกระทบที่มีต่อคนรอบข้าง ตัวละครแต่ละตัวเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวและการใช้ชีวิตที่ห่างไกลจากปัญหาที่คนธรรมดาต้องเผชิญ มันทำให้ผมนึกถึงคนรวยในชีวิตจริงที่เรารู้จัก หลายคนก็มีวิธีคิดแบบเดียวกับตัวละครในเรื่องนี้ ไม่ได้เลวร้ายแบบโจ่งแจ้ง แต่เต็มไปด้วยอคติและการมองว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น
นอกจากการเล่าเรื่องที่เฉียบคมแล้ว การแสดงของนักแสดงแต่ละคนก็ยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะ Jennifer Coolidge ที่ขโมยซีนแทบทุกครั้งที่ปรากฏตัว และ Murray Bartlett ในบทผู้จัดการรีสอร์ทที่ค่อย ๆ ดำดิ่งสู่ความบ้าคลั่ง ดนตรีประกอบของซีรีส์ก็ดูเหมือนจะเรียบง่าย แต่กลับสร้างบรรยากาศที่หลอนและกดดันไปพร้อม ๆ กับเรื่องราวที่คลี่คลายไปสู่จุดจบอันน่าตกตะลึง
The White Lotus (Season 1) ไม่ใช่ซีรีส์ที่มาพร้อมกับพล็อตหักมุมใหญ่โตหรือฉากแอ็กชันตื่นเต้น แต่สิ่งที่ทำให้มันทรงพลังคือการสะท้อนความเป็นจริงของโลกชนชั้นสูงและการเสียดสีสังคมที่แสบสันต์จนบางครั้งรู้สึกเหมือนโดนจิกกัดไปด้วย ถ้าใครยังไม่ได้ดู ผมแนะนำให้ลองดู แล้วคุณอาจจะเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมข่าวการร่วมแสดงของลิซ่าในซีซั่นสามถึงเป็นเรื่องใหญ่ เพราะนี่ไม่ใช่แค่ซีรีส์ธรรมดา แต่มันคือการวิพากษ์สังคมที่ทั้งเจ็บแสบและสมจริงกว่าที่คิด
ความคาดหวังต่อบทของ LISA ในซีซั่นสาม
เมื่อมีข่าวว่า Lisa BLACKPINK จะเข้ามารับบท “มุก” ซึ่งเป็นพนักงานโรงแรมในซีซั่นที่สามของ The White Lotus ความตื่นเต้นก็เพิ่มขึ้นไปอีกหลายระดับ เพราะนี่ถือเป็นก้าวสำคัญของเธอในฐานะนักแสดง และหากพิจารณาจากแนวทางของซีรีส์ที่ให้ความสำคัญกับประเด็นชนชั้นและอำนาจทางสังคม บทของ “มุก” น่าจะเป็นมากกว่าพนักงานโรงแรมทั่วไป เธออาจเป็นตัวละครที่สะท้อนถึงประเด็นของแรงงานที่ต้องรับใช้ชนชั้นสูง หรืออาจเป็นคนที่มีเรื่องราวเบื้องหลังที่ซับซ้อนและเกี่ยวโยงกับความลับบางอย่างของแขกในโรงแรม
หากดูจากตัวละครพนักงานโรงแรมในซีซั่นก่อน ๆ อย่าง Armond (Murray Bartlett) หรือ Belinda (Natasha Rothwell) บทบาทของพนักงานโรงแรมมักจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องราว มุกอาจเป็นตัวละครที่ต้องต่อสู้กับสถานการณ์ที่บีบคั้นทั้งจากแขกและจากระบบของโรงแรมเอง และถ้าซีรีส์ยังคงสไตล์การเล่าเรื่องที่มีมิติของความบีบคั้นทางสังคม เธออาจเป็นตัวแทนของแรงงานที่ถูกกดขี่ หรือแม้แต่เป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในการเผยปมลึกลับของเรื่อง
อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ การแสดงของลิซ่าในบทนี้จะเป็นอย่างไร เพราะเธอเป็นที่รู้จักในฐานะไอดอลระดับโลกที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว แต่ในบทบาทของ The White Lotus เธอจะต้องสวมบทบาทที่มีความดราม่าและซับซ้อนกว่าภาพลักษณ์ที่เราคุ้นเคย ซึ่งเป็นความท้าทายที่น่าติดตาม และถ้าเธอสามารถถ่ายทอดบทนี้ออกมาได้ดี ก็อาจเป็นการเปิดประตูให้เธอในวงการฮอลลีวูดไปสู่บทบาทที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต
โดยรวมแล้ว ซีซั่นสามของ The White Lotus น่าจะยังคงไว้ซึ่งความเฉียบคมในการเสียดสีและสะท้อนสังคม แต่ครั้งนี้เราจะได้เห็นมุมมองใหม่ที่เกี่ยวกับแรงงานในโรงแรมผ่านสายตาของ “มุก” ซึ่งถ้าเป็นไปตามที่คาดหวัง บทบาทของลิซ่าอาจเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของซีรีส์นี้ และเป็นการพิสูจน์ว่าเธอสามารถก้าวเข้าสู่โลกของการแสดงได้อย่างเต็มตัว