โครงสร้างการเล่าเรื่องแบบ “เปิดและปิด” (Open and Closed Structure) เป็นหนึ่งในวิธีการเล่าเรื่องที่ส่งผลต่ออารมณ์และการตีความของผู้ชมอย่างมาก โดยขึ้นอยู่กับว่าผู้เล่าต้องการปล่อยให้เรื่องราวจบลงอย่างสมบูรณ์ หรือเปิดพื้นที่ให้ผู้ชมคิดต่อเอง
ลักษณะของโครงสร้างแบบปิด (Closed Structure)
- เรื่องราวสมบูรณ์
- ทุกคำถามได้รับคำตอบ
- ปมเรื่องทั้งหมดคลี่คลาย ไม่มีจุดให้ต้องสงสัย
- เนื้อหาชัดเจน
- บอกให้ผู้ชมเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น และตัวละครแต่ละตัวจบลงอย่างไร
- ความพึงพอใจ
- เหมาะกับผู้ชมที่ต้องการความสมบูรณ์และการคลี่คลายของเรื่อง
- ตัวอย่างในภาพยนตร์:
- The Lord of the Rings: The Return of the King (2003)
เรื่องราวของโฟรโดจบลงอย่างสมบูรณ์ ทุกตัวละครได้รับบทสรุปในแบบของตัวเอง - Toy Story 3 (2010)
การส่งต่อของเล่นจากแอนดี้ไปยังเด็กคนใหม่ เป็นการปิดเรื่องราวของตัวละครในวัยเด็ก
- The Lord of the Rings: The Return of the King (2003)
ลักษณะของโครงสร้างแบบเปิด (Open Structure)
- เรื่องราวที่ไม่สมบูรณ์
- ทิ้งคำถามหรือปมบางอย่างไว้โดยไม่ได้คลี่คลาย
- ผู้ชมต้องใช้จินตนาการหรือวิเคราะห์เรื่องราวต่อเอง
- การตีความหลากหลาย
- เปิดพื้นที่ให้ผู้ชมสร้างความหมายของตนเอง
- ความลึกลับและความลึกซึ้ง
- เน้นการสร้างอารมณ์และความคิดมากกว่าคำตอบที่ชัดเจน
- ตัวอย่างในภาพยนตร์:
- Inception (2010)
จบลงด้วยฉากลูกข่างที่หมุนต่อเนื่อง ทิ้งคำถามว่าโคบกำลังฝันหรืออยู่ในโลกจริง - No Country for Old Men (2007)
ตัวร้ายหายไปอย่างไม่มีคำอธิบาย และปมเรื่องหลายส่วนถูกทิ้งไว้
- Inception (2010)
เปรียบเทียบโครงสร้างแบบเปิดและปิด
หัวข้อ | โครงสร้างแบบปิด | โครงสร้างแบบเปิด |
---|---|---|
คำตอบของปมเรื่อง | ทุกอย่างถูกคลี่คลาย | ทิ้งบางส่วนไว้ให้คิดเอง |
ความรู้สึกหลังจบเรื่อง | พึงพอใจและสมบูรณ์ | ครุ่นคิดและวิเคราะห์ต่อ |
ตัวอย่างผู้ชมที่เหมาะสม | ผู้ที่ต้องการคำตอบที่ชัดเจน | ผู้ที่ชอบการตีความและความท้าทายทางความคิด |
วิธีการเขียนเรื่องด้วยโครงสร้างแบบเปิดและปิด
โครงสร้างแบบปิด
- วางปมและคลี่คลายทุกอย่างในตอนจบ
- หากมีตัวละครที่มีความลับ ต้องเปิดเผยในตอนท้าย
- ปิดจบทุกความสัมพันธ์หรือสถานการณ์
- สร้างบทสรุปที่น่าพึงพอใจ
- ให้ผู้ชมรู้สึกว่าทุกอย่างสมเหตุสมผล
โครงสร้างแบบเปิด
- ใส่ปมไว้ในตอนจบ
- ตั้งคำถามสำคัญในช่วงท้ายเรื่อง
- จงใจทิ้งบางส่วนให้คลุมเครือ
- สร้างอารมณ์มากกว่าคำตอบ
- ใช้การเล่าเรื่องหรือภาพที่ทิ้งท้ายความรู้สึกให้ผู้ชม
ตัวอย่างการเล่าเรื่อง
ธีม: ความยุติธรรมในชนบท
- โครงสร้างแบบปิด:
เรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ต่อสู้กับระบบอยุติธรรมในหมู่บ้านจบลงด้วยการที่เขาชนะคดี และสังคมกลับมาเป็นปกติ - โครงสร้างแบบเปิด:
เด็กหนุ่มชนะคดี แต่ตอนจบพบว่าผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้านยังคงอยู่เบื้องหลัง เขาออกจากหมู่บ้านไปพร้อมกับคำถามว่า “การต่อสู้ครั้งนี้เปลี่ยนแปลงอะไรได้จริงหรือไม่?”
ทำไมต้องเลือกโครงสร้างแบบเปิดหรือปิด?
- โครงสร้างแบบปิด:
- เหมาะกับเรื่องที่ต้องการสร้างความพึงพอใจ เช่น หนังเด็ก หนังครอบครัว หรือเรื่องที่ต้องการจุดจบที่สมบูรณ์
- โครงสร้างแบบเปิด:
- เหมาะกับเรื่องที่เน้นความคิดหรือสะท้อนความเป็นจริงของชีวิต เช่น หนังดราม่าหนัก ๆ หรือไซไฟที่ซับซ้อน
สรุป
การเลือกใช้โครงสร้างแบบเปิดหรือปิด ขึ้นอยู่กับอารมณ์และประเด็นที่ผู้เล่าต้องการนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นแบบใด ต่างก็มีจุดเด่นที่ช่วยสร้างความประทับใจและสร้างการเชื่อมโยงกับผู้ชมในรูปแบบที่ต่างกันออกไปครับ!