การสอนแนวคิดเชิงนามธรรม “Abstract Thinking” สำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราชการ 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ได้กำหนดรายวิชาใหม่ คือ วิชาวิทยาการคำนวณ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้นักเรียนได้ใช้ทักษะการคิดเชิงคำนวณ ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริงและทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ เนื้อหาของระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ได้มีการกำหนดตัวชี้วัดให้นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิดเชิงนามธรรรม (Abstract Thinking) ซึ่งนับเป็นเนื้อหาที่ค่อนข้างใหม่ แต่ในต่างประเทศนั้นได้มีการสอนเนื้อหานี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว

แนวคิดเชิงนามธรรมคืออะไร ?

แนวคิดเชิงนามธรรม (abstract thinking หรือ abstraction) เป็นองค์ประกอบหนึ่งของแนวคิดเชิงคำนวณ (computational thinking) ซึ่งใช้กระบวนการคัดแยกคุณลักษณะที่สำคัญออกจากรายละเอียดปลีกย่อย ในปัญหาหรืองานที่กำลังพิจารณา เพื่อให้ได้ข้อมูลที่จำเป็นและเพียงพอในการแก้ปัญหา

บางตำราก็บอกว่า การคิดเชิงนามธรรม คือความสามารถในการคิดต่อไปนี้

  • การคัดเลือกรายละเอียดที่จำเป็นต่อการแก้ปัญหา
  • สรุปรูปแบบจากสถานการณ์ต่างๆ
  • การเปรียบเทียบสิ่งต่างๆ และบอกคุณสมบัติที่สิ่งเหล่านั้นมีเหมือนกัน
  • การเชื่อมโยงข้อมูล เช่น ความเข้าใจในความสัมพันธ์ของเหตุการณ์ต่างๆ
  • เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ภายใต้ข้อความ เหตุการณ์และสถานการณ์

นอกจากนี้เรายังสามารถกล่าวได้อีกว่า การคิดเชิงนามธรรม (Abstract Thinking) ก็คือด้านตรงกันข้ามของการคิดเชิงรูปธรรม (Concrete Thinking) นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น มีคน 2 คน มองดูภูเขาลูกเดียวกัน

การคิดเชิงรูปธรรม (Concrete Thinking) การคิดเชิงนามธรรม (Abstract Thinking)
คนที่ 1 กล่าวว่า “ดูภูเขาลูกนั้นสิ ต้นไม้เขียวขจี ขึ้นเต็มไปหมดเลย”คนที่ 2 กล่าวว่า “ต้นไม้เหล่านั้นจะช่วยให้สิ่งมีชีวิตต่างๆ ได้อาศัย”

แม้คนทั้งสองจะมองคนละอย่าง แต่ทั้งสองความคิดก็มีพื้นฐานของความคิดและมีคุณค่าไม่แตกต่างกัน ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม บางคนอาจคิดแบบนามธรรมเก่งกว่า แต่บางคนก็อาจคิดแบบรูปธรรมเก่งกว่า แต่เมื่อเราเผชิญกับปัญหาใหม่ๆ สิ่งที่เราใช้แก้ปัญหาคือการคิดเชิงนามธรรม เพราะการคิดเชิงนามธรรม จะช่วยให้เราประยุกต์ใช้ความรู้ในการแก้ปัญหาใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเจอมาก่อนได้

คุณสมบัติของคนที่เป็นนักคิดเชิงนามธรรม

  • คุณคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีความเกี่ยวข้องกันเป็นภาพใหญ่
  • คุณไม่เพียงแค่ถามว่าอย่างไร แต่คุณมักถามว่าทำไม
  • คุณมองหาความหมายและรูปแบบที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
  • คุณพยายามที่จะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างว่ามันเกี่ยวข้องกันอย่างไร

ถ้าเราสามารถพัฒนานักเรียนของเราให้เป็นนักคิดเชิงนามธรรม นักเรียนของเราก็จะสามารถพิจารณาปัญหาทั้งหมด รวมถึงส่วนต่างๆ ของมัน และความสัมพันธ์ของแต่ละส่วน ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนการคิดเชิงนามธรรมเป็นประจำ

ขั้นตอนการสอนคิดเชิงนามธรรม

การสอนแนวคิดเชิงนามธรรม มีหลายวิธี แต่โดยทั่วไปเรามักจะเริ่มจากรูปธรรม ให้นักเรียนจำได้ก่อน และเมื่อนักเรียนจดจำรูปธรรมได้แล้ว จึงอธิบายนามธรรม แล้วสรุปว่ารูปธรรมนั้น สอดคล้องกับนามธรรมอย่างไร

ขั้นที่ 1 สอนรูปธรรม

พีชคณิตเป็นหนึ่งในการคิดเชิงนามธรรม ขั้นตอนพื้นฐานในการสอน เราจะยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม เช่น ถ้าคุณมีแอปเปิ้ล 3 ผล ฉันให้แอปเปิ้ลอีกผล คุณจะมีแอปเปิ้ลกี่ผล (คำตอบคือ 4 ผล) หรือถ้าคุณมีแอปเปิ้ล 6 ผล แล้วฉันให้แอปเปิลอีกผล คุณจะมีแอปเปิ้ลกี่ผล (คำตอบคือ 7 ผล)

ขั้นที่ 2 สอนนามธรรม

จากขั้นตอนที่แล้ว เราจะแก้โจทย์เป็น “ไม่ว่าคุณจะมีแอปเปิ้ลกี่ผลก็ตาม ฉันจะให้แอปเปิ้ลอีกอันแก่คุณเสมอ” ดังนั้น หากเราใช้ตัวอักษร “n” เป็นสัญลักษณ์แทนจำนวนแอปเปิ้ลที่คุณมี หลังจากที่ฉันให้แอปเปิ้ลหนึ่งผลแก่คุณ คุณก็จะมีแอปเปิ้ล n+1 ผล

ขั้นที่ 3 ย้อนกลับไปรูปธรรม

หากคุณมีแอปเปิ้ล 3 ผล ดังนั้น n = 3 และเมื่อได้รับแอปเปิ้ลหนึ่งผล ก็คือ n + 1 หรือ 3 + 1 ผลรวมก็คือ 4 นั่นเอง

ขั้นที่ 4 ประยุกต์ใช้นามธรรม

ดังนั้น n หมายถึง จำนวนแอปเปิ้ลที่คุณมี และ n+1 คือจำนวนแอปเปิ้ลที่คุณมีหลังจากที่ได้รับแอปเปิ้ลหนึ่งผล และไม่ว่าต่อไปจะได้รับแอปเปิ้ลกี่ผล เราก็สามารถแก้ปัญหาด้วยแนวคิดเชิงนามธรรมได้แล้ว ซึ่งอาจเป็น n + 2 หรือ n + 3 เป็นต้น

ข้อแนะนำ

การสอนแนวคิดเชิงนามธรรมให้คนอื่นเข้าใจ มีขั้นตอนดังนี้

  • ยกตัวอย่างรูปธรรม หลายๆ อย่าง
  • แนะนำการเชื่อมโยงระหว่างรูปธรรมกับนามธรรม
  • อธิบายให้เห็นว่าตัวอย่างนั้น มีการเชื่อมโยงรูปธรรมกับนามธรรมอย่างไร
  • ประยุกต์ใช้นามธรรมในการแก้ปัญหาที่คล้ายๆ กัน

เทคนิคการสอนคิดเชิงนามธรรม

ไม่ว่าครูจะสอนวิชาอะไร ก็สามารถฝึกฝนทักษะการคิดเชิงนามธรรมให้กับนักเรียนได้ ด้วยเทคนิคการสอนคิดเชิงนามธรรมต่อไปนี้ครับ

เทคนิคที่ 1 คิดเกี่ยวกับแนวคิด

ทุกครั้งที่เรานึกถีงอะไรก็ตามที่ไม่เป็นรูปธรรม นั่นคือเรากำลังคิดเชิงนามธรรม เช่น เมื่อเรามองพระพุทธรูปซึ่งเป็นรูปธรรม แต่ให้เราคิดถึงนามธรรมที่ซ่อนอยู่ ซึ่งอาจหมายถึง ความศรัทธา ความสงบร่มเย็น เป็นต้น

เทคนิคที่ 2 หาทฤษฎี

เมื่อไหร่ก็ตามที่เราใช้ทฤษฎีในการอธิบายเหตุการณ์ นั่นคือ เรากำลังคิดเชิงนามธรรม ซึ่งทฤษฎีอาจมีการใช้ข้อมูลที่เป็นรูปธรรม แต่อาจใช้การคาดเดาซึ่งเป็นนามธรรม เช่น มีข่าวแผ่นดินไหวใต้ทะเล เราอาจใช้ทฤษฎีการเกิดสึนามิ มาคาดเดาเหตุการณ์ต่างๆ

เทคนิคที่ 3 ใช้จินตนาการ

เรื่องง่ายๆ อย่างการใช้จินตนาการก็คือเป็นการคิดเชิงนามธรรม การที่เราคิดถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หรือไม่มีอยู่จริงในรูปแบบทางกายภาพ ก็คือการคิดเชิงนามธรรม เช่น มีเพื่อนคนหนึ่งซื้อดอกกุหลาบมาให้เรา แล้วเราจินตนาการไปว่า เขารู้สึกพิเศษกับเรา ก็คือเป็นการฝึกคิดเชิงนามธรรมได้เช่นกัน

เทคนิคที่ 4 ใช้อุปมาอุปมัย

การใช้อุปมาอุปมัยในวิชาภาษาไทย โดยการสร้างความสัมพันธ์กับสองแนวคิดที่อาจเป็นรูปธรรม หรือนามธรรม เช่น ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ความหมายเชิงนามธรรม คือ ทำได้ง่ายจริงๆ หรือ เงียบเป็นเป่าสาก ความหมายเชิงนามธรรม คือ เงียบจริงๆ ราวกับเป่าสากซึ่งเป่าเท่าไรก็ไม่มีเสียง เป็นต้น ซึ่งถ้าเราหาความสัมพันธ์ของแนวคิดเหล่านั้นได้ ก็ถือว่าเป็นคิดเชิงนามธรรม

คุณลักษณะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21

ผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (หมายถึงคนที่เกิดในปี ค.ศ. 1995 – 2538 จนถึงปัจจุบัน) ผู้เรียนในยุคนี้จะมีการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากผู้เรียนยุคก่อนๆ ค่อนข้างชัดเจน เพราะเขาเกิดมาพร้อมกับยุคที่มีคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต มีเครื่องมือสื่อสารต่างๆที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างแยกไม่ออก ผู้เรียนในยุคนี้มักจะชอบทำงานเป็นทีม หรือการเรียนรู้ในเรื่องที่ตัวเองสนใจ จึงเกิดเป็นสโลแกนที่เรียกผู้เรียนในยุคนี้ว่า i, me first, ipod, myself, my own need มันสะท้อนให้เห็นความต้องการ ความจำเป็นและความสนใจของตนเป็นสำคัญ

ดังนั้น ผู้เรียนยุคนี้จะให้ความสนใจกับการเรียนรู้จากเครือข่าย หรือจากชุมชนคนรอบตัว และชุมชนแบบออนไลน์มากกว่าการรู้จักผู้สอนในชั้นเรียน ส่งผลให้เด็กยุคนี้มีลักษณะเด่นที่แตกต่างจากเด็กยุคก่อน โดยมีคุณลักษณะ ดังนี้

  1. ความรับผิดชอบและพึ่งพาตนเองในการเรียนรู้ (Autonomous Learning)
  2. ทักษะด้านการคิด (Thinking Skills)
  3. ทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Collaborators)
  4. ทักษะในการสืบเสาะค้นหา (Enquirers)
  5. ความกระตือรือร้น (Active Learners)
  6. ทักษะพื้นฐานด้านไอซีที (ICT Skills)
  7. ทักษะในด้านการใช้ภาษาสากล (Second Language Skills)
  8. ความสนใจในวัฒนธรรม (Engaged with Cultures) และความตระหนักถึงความเป็นไปในโลก (World Awareness)

การสอนแนวคิดเชิงนามธรรมสำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21

หัวใจสำคัญในการสอนแนวคิดเชิงนามธรรม ก็คือการยกตัวอย่างรูปธรรมให้นักเรียนจดจำได้ก่อน แล้วจึงอธิบายความเป็นนามธรรมของสิ่งนั้น โดยผมได้จัดการเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์ (On-line) โดยเลือกใช้ learning platform ของ Google Classroom ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้การจัดการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังได้จัดทำเว็บไซต์เพื่อรวบรวมความรู้ไว้ให้นักเรียนได้ศึกษาในรูปแบบออนดีมานด์ (On demand)

ตัวอย่างเว็บไซต์ www.teemtaro.com

นอกจากนี้ยังได้พัฒนาคอนเทนต์ ในรูปแบบวีดิทัศน์เพื่อการเรียนการสอน ร่วมกับ AIS Academy เรื่อง “แนวคิดเชิงนามธรรม (Abstract Thinking) เพื่อให้นักเรียนได้ศึกษา ซึ่งสามารถเข้าไปศึกษาได้ฟรีที่เว็บไซต์ https://learndi.aisacademy.com/

ตัวอย่างเนื้อหาบนเว็บไซต์ https://learndi.aisacademy.com/

เนื้อหาในวีดิทัศน์เพื่อการเรียนการสอน ก็จะนำเสนอความหมายของแนวคิดเชิงนามธรรม รวมถึงขั้นตอนการคัดเลือกคุณลักษณะที่จำเป็นในการแก้ปัญหา ไปจนถึงการถ่ายทอดรายละเอียดของปัญหาและการแก้ปัญหา

เทคนิคในการผลิตวีดิทัศน์เพื่อการเรียนการสอน เรื่อง “แนวคิดเชิงนามธรรม”

การสอนแนวคิดเชิงนามธรรม จะต้องเริ่มต้นด้วยการนำเสนอรูปธรรมให้นักเรียนจดจำได้ จากนั้นจึงอธิบายความเป็นนามธรรม ซึ่งสามารถสรุปเป็นเทคนิคในการผลิตวีดิทัศน์เพื่อการเรียนการสอน เรื่องแนวคิดเชิงนามธรรมได้ดังนี้

  1. นำเสนอรูปธรรมให้นักเรียนจดจำได้
  2. อธิบายความเป็นนามธรรม
  3. ยกตัวอย่างสถานการณ์ปัญหาในชีวิตประจำวัน
  4. นำเสนอการแก้ปัญหาด้วยแนวคิดเชิงนามธรรม
  5. สรุปด้วยข้อความหรือกราฟิกเพื่อสร้างการจดจำ
ตัวอย่างวีดิทัศน์เพื่อการเรียนการสอน เรื่อง แนวคิดเชิงนามธรรม

ข้อดีของการผลิตวีดิทัศน์เพื่อการเรียนการสอน ก็คือ เราสามารถตัดต่อเนื้อหาให้กระชับและได้ใจความ เพราะนักเรียนในยุคนี้ชอบความรวดเร็ว ซึ่งถ้านักเรียนคนไหนไม่เข้าใจ พวกเขาก็สามารถกดปุ่มย้อนกลับไปดูซ้ำได้ตามต้องการ นอกจากนี้ การผลิตสื่อวีดิทัศน์ ยังช่วยให้เราเพิ่มเอฟเฟก ภาพเคลื่อนไหว เสียง หรือดนตรีประกอบ เพื่อสร้างความเข้าใจและดึงดูดความสนใจของนักเรียนได้ดีอีกด้วย

สรุป

การสอนแนวคิดเชิงนามธรรม “Abstract Thinking” สำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ให้ประสบความสำเร็จ ครูผู้สอนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาวิชา และเข้าใจลักษณะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 เพื่อที่จะสามารถออกแบบการจัดการเรียนรู้ได้สอดคล้องกับบริบทของผู้เรียน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *